ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นักการตลาด ให้ความสนใจกับ 2 Generations เป็นอย่างมาก คือ Gen Y และ Silver Gen โดย Gen Y ได้รับความสนใจด้วยขนาดประชากรที่ใหญ่
ส่วน Silver Gen (กลุ่มอายุ 55 ปีขึ้นไป) เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้ออย่างมาก
นอกจาก 2 Gen นี้แล้ว ตอนนี้ถ้าใครไม่พูดถึง Gen Z ก็อาจจะตกเทรนด์ได้ ถึงแม้ว่า Gen นี้จะมีขนาดไม่ใหญ่เท่ากับ Gen ก่อนหน้านี้ แต่มีพฤติกรรมและแนวความคิดที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
Who is Gen Z
ที่มา: http://stat.dopa.go.th/stat/statnew/upstat_age.php
Gen Z คือคนในช่วงอายุ 10-24 ปี เป็นลูกของ Gen X ซึ่งเป็น Bridging Gen ระหว่าง Digital and Analog Lifestyle เป็น Gen ตัวกลางระหว่าง Gen Y และ Baby Boomer ในที่ทำงาน และเป็น Bridging Gen ระหว่างคนหลากหลาย Gen ในบ้าน
Gen Z ไม่ใช่กลุ่มคนที่อายุน้อยที่สุด เพราะยังมี Gen Alpha ที่มีอายุน้อยกว่า 10 ปีในตอนนี้ ซึ่งเป็นลูกของ Gen Y or Me Generation ที่เติบโตมาพร้อมกับ การพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงลูกของพวกเขาเลยว่า จะ Digital Life ขนาดไหน ของเล่นเด็กAlpha ก็จะเป็นแนว Internet of Toy
Genderless Gen
Gen Z เห็นเรื่องความเท่าเทียมกันทางเพศเป็นเรื่องใหญ่
คำสรรพนามที่ไม่แยกเพศ ‘ze’ ถูกใช้แทนคำว่า he หรือ she
นอกจากนี้พวกเขายังยอมรับความรักในเพศเดียวกันด้วย จากการสอบถามความคิดเห็นเรื่องความรักระหว่างเพศเดียวกัน เกือบ 60% ของ Gen Z เห็นด้วยอย่างยิ่งว่าความรักระหว่างเพศเดียวกันไม่ควรถูกกีดกัน ในขณะที่เพียง 44% ของ Gen X ที่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับเรื่องนี้
People, Planet and Not Only Profit
ในห้วงเวลานี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก น้อง เกรต้า ธันเบิร์ก ชาวสวีเดน วัย 16 ปี กับหลายๆ ประโยคเด็ดของเธอ เช่น “No one is too small to make a difference” “ไม่มีใครเด็กเกินไปที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง” ที่กระตุ้นให้เด็กหลายล้านคนลุกขึ้นมาทวงสิทธิ์อากาศสะอาดของโลกใบนี้จากผู้ใหญ่ ในวันศุกร์ที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา มีเด็กวัยรุ่นมากกว่า 4 ล้านคนในหลายประเทศที่ประท้วงไม่ยอมไปเรียนหนังสือ เพื่อแสดงจุดยืนของพวกเขาเรื่องโลกร้อน จากการจุดประกายของน้องเกรต้า
และจากการประชุม UN Climate Summit ที่นิวยอร์ก ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ที่เธอได้ทวงถามผู้นำประเทศทั้งหลายว่า “The eyes of all future generations are upon you. And if you choose to fail us, I say – we will never forgive you.” “สายตาทุกดวงของวัยแห่งอนาคตจะจับจ้องพวกคุณ และถ้าคุณทำให้เราผิดหวัง เราจะไม่ให้อภัยพวกคุณอย่างแน่นอน” ซึ่งเป็นประโยคที่ทำให้ระดับผู้นำประเทศจุกอกกันเลยทีเดียว
ทั้ง Gen Z และ Gen Y ใส่ใจในเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมมากกว่า Gen ใดๆ เพราะผลกระทบของโลกร้อนมันใกล้พวกเขามากขึ้นทุกที ทั้งสภาพอากาศที่เปลี่ยนไป อาหารที่ปนเปื้อนมากขึ้น สัตว์โลกที่ล้มตาย และโรคภัยไข้เจ็บที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อถาม Gen Z ถึงลักษณะของบริษัทที่พวกเขาอยากทำงานด้วย ก็จะเห็นแนวโน้มว่า Gen นี้ให้ความสำคัญกับบริษัท ‘ที่ดี’ มากพอๆ กันกับบริษัทที่ให้ ‘เงินดี’
I’m Loyal to Myself, Not a Brand
Gen Z ส่วนใหญ่ไม่ใช่พวก Brand Loyal ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือบริการ หรือแม้กับบริษัทที่ทำงาน ชาว Gen Z ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่หลากหลายมากกว่าจะยึดติดที่แบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง
ในการซื้อสินค้า Gen Z ให้ความสำคัญกับรีวิวของผู้ใช้จริงมากกว่าคำโฆษณาของแบรนด์เอง
ในการทำงาน Gen Z ก็ไม่ได้คิดถึงความมั่นคงเหมือนรุ่นพ่อแม่ของตน การเปลี่ยนงานบ่อยๆ เป็นเรื่องธรรมดาของคน Gen นี้ ที่ต้องการหาประสบการณ์ที่แตกต่าง
จากข้อมูลบางส่วนของงานวิจัยของ บริษัท อินเทจ ประเทศไทย ข้างต้น ชี้ให้เห็นว่า Generation Marketing ยังมีผลในการชนะใจผู้บริโภคใน Gen ที่แตกต่างกัน สำหรับแบรนด์ที่จะเจาะกลุ่ม New Gen นี้ นอกจาก P Marketing Mix เดิมแล้ว อีก 3 Ps ที่ขาดไม่ได้เลยในการทำการตลาดกับ Gen Z คือ: Purposeful, Popular, Planet-Minded
Purposeful เนื่องจาก Gen Z เป็น True Gen ที่ไม่ได้คิดแต่เรื่องของตัวเอง เป็น Gen ที่ยอมรับความแตกต่าง ไม่ชอบการแบ่งแยกไม่ว่าจะเป็นเพศหรือเผ่าพันธุ์ แบรนด์ที่จะชนะใจ Gen นี้ได้ต้องมีจุดยืนและความหมายที่ชัดเจน และเนื่องจาก Gen Z เป็นกลุ่มคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง พวกเขาจะมองหาแบรนด์ ที่ทำให้พวกเขาได้มีโอกาสแสดงตัวตนของตัวเองด้วย
Popular แบรนด์ที่มีคนพูดถึงเยอะ มีการรีวิวจากประสบการณ์จริงเยอะ Micro and Nano Influencer จะมีบทบาทต่อ Gen นี้ค่อนข้างมาก
Planet-Minded เป็นแบรนด์ที่ไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม การดูแลรักษาโลกเป็นหนึ่งในขบวนความคิดและการทำงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เป็นเพียงแค่งาน PR เท่านั้น Gen นี้ให้ความสำคัญกับ ‘เรื่องจริง’ ของโลกและของแบรนด์ มากกว่า ‘เรื่องเล่า’
Source of Image: