วันนี้ สมาคมการตลาดฯ ได้จัด Clubhouse session เพื่อชวนนักการตลาดมาคุยกันเกี่ยวกับเรื่อง “Skill สำคัญ เพื่อ Successful Digital Marketing” ได้ความรู้ใหม่ๆ มากมายทีเดียว
ก่อนอื่นเลย เราต้องบอกว่า มุมมองที่ถูกต้องของหัวข้อนี้ คือ “Marketing in Digital Era” มากกว่า เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า หัวใจ และหลักการสำคัญของโลกการตลาดไม่เคยเปลี่ยนไป แต่ Digital เข้ามาเป็น Tools ในการช่วยให้ นักการตลาดหรือเจ้าของแบรนด์ สามารถ Connect กับลูกค้าได้ง่ายขึ้น ในทุกๆ จังหวะการตัดสินใจของพวกเขา
ทีนี้ มาเข้าประเด็นกันดีกว่า … จากการคุยกันในคืนนี้ เราสามารถสรุปได้ว่า ในโลกการตลาดยุคดิจิตอล ที่มี Covid-19 มาช่วยกระตุ้นให้เราต้อง active เป็นทวีคูณ นักการตลาดต้องให้ความสำคัญกับ 13 C ที่ เป็น CORE ของ Marketing in Digital Era ดังนี้
- CLEAR PURPOSE แบรนด์ต้องมีจุดยืน รู้ใน value ของตัวเอง และรู้ว่า เราต้องการตอบโจทย์ value ใดให้แก่ลูกค้า
- CRACK THE BUSINESS QUESTION เราต้องรู้โจทย์ของธุรกิจ หากเราเข้าใจอย่างถ่องแท้ เราจึงจะสามารถตั้งทิศทางของการตลาดได้อย่างไม่หลงทาง เราต้องตีโจทย์ให้แตก แล้วใช้ digital เป็นเครื่องมือเพื่อพาเราไปสู่จุดหมาย
- CUSTOMER CENTRIC ในโลกการตลาด ขอให้เรา “ตั้งต้นที่ลูกค้าเสมอขอให้นึกอยู่เสมอว่า สิ่งที่เราทำอยู่นี้ ตอบโจทย์อะไรให้แก่ลูกค้า แก้ปัญหาให้เขา และทำให้ชีวิตพวกเขาดีขึ้นได้อย่างไร นั่นคือสิ่งสำคัญ
- CURIOSITY การจะเข้าใจลูกค้า เราต้องมีต่อมเอ๊ะ มีความช่างสงสัย และ Start with why เสมอๆ การจะได้คำตอบที่ชัดเจน เราควรถาม Why 3 ครั้ง “Why they do that?” คำตอบครั้งแรกอาจเป็นแค่ผิวเผิน แต่หากคุณถามถึง 3 ครั้ง คุณจะได้ insight ว่าอะไรเป็นตัวขับเคลื่อนให้เขาทำอย่างนั้น หากเราเป็นแบรนด์เล็กๆ เราก็สามารถหา insight ลูกค้าได้ง่ายๆ ด้วยการเป็นคนช่างสงสัย ลองสังเกตุและใส่ใจในทุกๆคำถามที่ลูกค้าส่งเข้ามา คุณอาจได้ insight สำคัญเอามาทำการตลาดต่อได้ ด้วยการใช้ ตาดู หูฟัง และถามคำถามที่เหมาะสม
- CREATE VALUE เมื่อเราเข้าใจ รู้ insight รู้ Value และ pain point ของลูกค้าแล้ว หน้าที่สำคัญของนักการตลาด ไม่ใช่การขายของ แต่คือการมอบคุณค่าให้แก่เขา จำไว้เสมอว่า ลูกค้ายุคนี้ไม่ได้ซื้อแค่สินค้า แต่เขาซื้อ Value หรือ คุณค่า ที่เรามอบให้เขา คนซื้อครีมทาหน้า ไม่ได้ซื้อเพราะแค่อยากได้ครีมที่มีสารสกัด 10 อย่าง แต่เขาอยากได้หน้าขาวใส คุณแม่ไม่ได้ซื้อยางกัดลูกน้อยเพราะมันเหนียว ทน น่ารัก แต่เพราะการกัดยางกัดช่วยเสริมพัฒนาการ
สังเกตเห็นได้ว่า ลูกค้าซื้อสินค้า เพราะต้องการสิ่งที่มากกว่า functional benefit เสมอ … คุณแค่ต้องหาให้เจอ ว่า Value ที่คุณจะส่งมอบให้ลูกค้าของคุณคืออะไร - CONTEXT & CLARITY หลังจากหา Value เจอ อย่าลืมสื่อสารให้ชัดเจน ตรงประเด็น ตรงใจ ตรงช่องทาง ในโลกยุคนี้ที่การแข่งขันสูง ย้ำอีกที! ว่าอย่ามัวแต่ไปพูดสิ่งที่เราอยากจะขาย แต่ขอให้พูดในสิ่งที่ลูกค้าต้องการฟัง พูดใน value ที่เขาจะได้รับจากสินค้าและบริการของเรา การสื่อสารนั้นมีสองส่วน คือ สื่อ กับ สาร ถ้าสารไม่ชัดเจน ไม่ว่าจะสื่อผ่านอะไร ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
- CUSTOMER JOURNEY & COLLECT DATA แล้วเราจะรู้ได้ยังไง ว่า อะไรคือสิ่งที่ ตรงประเด็น ตรงใจ ตรงช่องทาง … ก็ขอให้เราย้อนกลับไปที่ Customer journey ในยุคนี้มี Marketing Funnel ที่สำคัญคือ 5A ของ Philip Kotler คือ Aware – Appeal – Ask – Act – Advocate เราต้องตั้ง objective ที่ชัดเจน ว่าตอนนี้ brand ของเราอยู่ใน stage ไหน เราต้องการให้แคมเปญการตลาดบรรลุวัตถุประสงค์อะไร และเราจะทำการตลาดในรูปแบบไหนให้บรรลุผลในแต่ละ objective … จะทำเช่นนั้นได้ หากเราเก็บข้อมูลที่มากพอ เราจะสามารถวิเคราะห์ profile ของลูกค้าเราในแต่ละ stage ได้เลย ซึ่งในยุคนี้ ก็มี tools มากมาย ที่จะมาเป็นผู้ช่วยให้แก่เราตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูลใน excel เอง ไปจนถึงการใช้เครื่องมืออย่าง Facebook Analytic, Pointillist, ConnectX CDP & Marketing Automation, Analytist, ฯลฯ อีกมากมาย
- COMPETENCY เมื่อเรามีข้อมูลแล้ว เราต้องมี Competency ในการอ่านข้อมูลเหล่านั้นด้วย ในยุคนี้ Big Data ไม่สำคัญเท่า Meaningful Data การจะเก็บข้อมูลที่มีประโยชน์นำมาใช้ได้ เราต้องรู้จักตั้ง Objective ว่าเราต้องการนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ทำอะไร ให้อ่านข้อมูลเพื่อเข้าใจวิธีคิดของลูกค้าและศึกษาให้เห็น journey การตัดสินใจของพวกเขาผ่านช่องทางต่างๆ เมื่อเราเข้าใจเราจึงจะสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาประมวลผลและนำมาออกแบบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าได้
- CRM เมื่อเรามีข้อมูลลูกค้าแล้ว ส่วนสำคัญที่ละเลยไม่ได้ คือการทำ CRM สิ่งนี้สำคัญมากๆ เพราะการรักษาลูกค้าเก่า หรือการเพิ่มยอดขายในกลุ่มลูกค้าที่รักเราทำง่าย และใช้งบประมาณต่ำกว่าการหาลูกค้าใหม่ๆตลอดเวลา การทำ CRM ไม่ใช่แค่การ keep connect กับเขาแต่เราต้องสร้างสรร และเสนอ value ที่ตรงใจ ให้เขารัก และอยู่กับเราไปนานๆ Ultimate goal ของการตลาดยุคนี้ ไม่ใช่แค่การให้ลูกค้ามาซื้อซ้ำ แต่คือการเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็น Brand Advocator ให้แก่เรา หากคุณสามารถสร้างกลุ่มลูกค้าที่มีความรักในแบรนด์จนถึงขั้นเป็นสาวกของแบรนด์ได้ คุณจะมีแหล่งการตลาดและนักการสื่อสารชั้นดีหนุนหลังให้อุ่นใจเลย
- CX IN ACTION คือ Customer Experience in Action ซึ่งมี 3 ข้อหลัก คือ Informative ตลอดเส้นทางต้องมีข้อมูลพร้อมให้หาได้ + Interactive สามารถตอบโต้ได้อย่างรวดเร็วทันใจ + Immersive คือ การนำเทคโนโลยีมาใช้ ให้เกิดประสบการณ์เสมือนจริง ให้ลูกค้าได้สัมผัสกับประสบการณ์ของแบรนด์อย่างเต็มที่
- CHANGE & COURAGE เทคโนโลยีในโลกยุคใหม่มาขับเคลื่อนให้โลกการตลาดเกิดความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นักการตลาด หรือคนทำธุรกิจยุคนี้ต้องไว ต้องทันโลก ทันความเปลี่ยนแปลง ต้องรู้จักปรับตัว และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ต้องกล้าที่จะเปลี่ยน กล้าที่จะก้าวออกจาก comfort zone เดิมๆ “รู้อะไร ไม่สู้ รู้แล้วไม่ได้ทำ”
- CREATIVE MIND เมื่อโลกการตลาดยุคใหม่มีความเปลี่ยนแปลงสูง นอกจากความกล้าที่จะเปลี่ยน เรายังต้องมีความสร้างสรรค์ที่จะปรับด้วย นักการตลาดยุคนี้ต้องไม่หยุดคิดอย่างสร้างสรรค์
- CARE ในโลกยุคดิจิตอล อะไรๆ ก็เร็ว อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ นักการตลาดในโลกยุคใหม่ ควรให้ความสำคัญกับ C ตัวสุดท้ายนี้ให้มาก แบรนด์ในโลกยุคดิจิตอลต้องมีความห่วงใย มีความจริงใจ มีความรับผิดชอบต่อการกระทำ และ ที่สำคัญ นักการตลาดเองก็ต้องมี Social Skill ในการควบคุมตนเองด้วย เราอยู่ในยุคที่ Digital เป็นเครื่องมือในการสร้างสะพานเพื่อเชื่อมต่อให้เราข้ามไปถึงใจของลูกค้า หรือเป็นเครื่องมือในการสร้างกำแพงกั้นระหว่างเรากับลูกค้าก็ได้เช่นกัน ในยุคนี้ แค่ของคุณภาพดีมันไม่พออีกต่อไป เราอยู่ในยุคที่คนให้ความสำคัญกับ value มากๆ อย่าละเลยในเรื่องของ brand integrity & sustainability สุดท้าย สิ่งนี้จะทำให้แบรนด์ของเราอยู่ยงคงกระพันในโลกธุรกิจ
ในคอร์ส Digital Marketing In Action ของ สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย เราจะมาสอนตั้งแต่แนวคิดการตลาดยุคใหม่ไปจนถึงการลงมือทำใน หลากหลายประเด็นน่าสนใจ
- เข้าใจภาพความเปลี่ยนแปลง ทั้งในมุมของ tools & insight
- เห็นความต่างของ Big data และ Meaningful Data
- Updateตัวเองเรื่องการวางกลุทธ์และแผนการตลาดในโลกยุคดิจิตอล
- รู้ความเปลี่ยนแปลงของ media landscape ที่จะนำไปสู่ On Life Media Strategy
- ไปจนถึงการวัดผลให้เห็น return of investment
ที่สำคัญ ตลอดการเรียน 8 วัน ทุกท่านจะได้เรียนแบบ Workshop Based “เรียนหลักการที่สำคัญ เอามาวางแผนจริง ลงมือทำจริง พร้อมรับคำปรึกษาจากวิทยากรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญตัวจริงในสายงานนั้น”
เปิดรับสมัครแล้ววันนี้! เริ่ม 6 มีนาคม 2564 ดูรายละเอียดหลักสูตร