KEY FOCUS
- Blinkist คือธุรกิจสตาร์ทอัพที่ย่อยหนังสือ nonfiction ให้อ่านง่าย เร็ว โดยใช้เวลาอ่าน (หรือฟัง) เพียงเล่มละ 15 นาที
- Blinkist ใช้ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาอาชีพมาช่วยสรุปเนื้อหาของหนังสือ โดยไม่ใช้สมองกลมาย่นระยะเวลาทำงาน
- Blinklist รอดพ้นจากการล้มละลายผ่านการระดมทุนแบบ Venture Capital โดยมี Insight Venture Partners เป็นพี่เลี้ยง
- บทบาทของ Blinklist ไม่ใช่การเข้ามาแทนที่หนังสือ แต่อาจจะเป็นช่องทางการตลาดของสำนักพิมพ์ต่างๆ ได้ด้วยซ้ำ
เมื่อวิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีทำให้วิถีการบริโภคสินค้าและบริการของมนุษย์เปลี่ยนไปแบบพลิกฝ่ามือ ‘ความสะดวก’ และ ‘รวดเร็ว’ กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเรียกดาว 5 ดวงจากผู้บริโภคได้ เห็นชัดจากการเติบโตของแอพจส่งอาหารต่างๆ เช่น Grab Food, Line Man, Get Food ฯลฯ ซึ่งเราปฏิเสธไม่ได้ว่าเทรนด์เหล่านี้คือสิ่งที่ผู้บริโภคยุคใหม่ทุกคนให้คุณค่า และนักพัฒนาบริการก็ต้องหันมาตีโจทย์ข้อนี้ให้ได้ในทุกอุตสาหกรรม หนึ่งในนั้นคือไอเดียการ ‘แฮควิธีอ่านหนังสือ’ ของสตาร์ทอัพนาม Blinkist ผู้พัฒนาแอพลิเคชันสำหรับนักอ่านที่มีเวลาน้อย โดยจะย่อยประเด็นสำคัญจากหนังสือ nonfiction ต่างๆ มาให้คุณเข้าใจได้ในเวลาไม่เกิน 15 นาที
ปฎิวัติการอ่านผ่านแอพ BLINKIST
สวัสดีนักอ่านทุกท่าน…ทุกวันนี้คุณรู้สึกเหมือนกันกับเราไหมว่าหนังสือตั้งใหญ่ที่เราถอยมาจากงานสัปดาห์หนังสือทุกๆ ปีนั้นถูกอ่านจบจริงแค่ไม่ถึง 5 เล่มต่อปี ยิ่งเป็นหนังสือประเภท nonfiction ที่มุ่งเน้นการให้สาระความรู้แก่ผู้อ่านด้วยแล้ว สปีดการอ่านของเราก็ยิ่งเชื่องช้าลงเรื่อยๆ ตามความหนาของเล่ม
Pain point ข้อนี้เป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในทุกมุมโลก สตาร์ทอัพสัญชาติเยอรมันาม Blinkist จึงทดลองนำเสนอวิธีการใหม่ในการ ‘เสพสาระ’ จากหนังสือให้เหลือแค่เพียง 15 นาที (ไม่ว่าจะด้วยการอ่านหรือการฟัง) โดยการสรุปความจากหนังสือทุกเล่มนั้นได้ถูกเรียบเรียงขึ้นใหม่ โดยมันสมองของนักเขียนและบรรณาธิการผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา และรับประกันว่าไม่มีการใช้สมองกลเข้าช่วยในการย่นย่อเนื้อหาสาระแม้แต่น้อย
“ปัจจุบันมนุษย์เท่านั้นที่มีศักยภาพพอในการทำให้มนุษย์ด้วยกันเข้าใจเรื่องราวหนึ่งๆ ได้อย่างชัดเจนและจดจำเรื่องราวนั้นได้ยาวนาน”
หลังเปิดตัวในปี 2012 Blinkist มีหนังสือให้เราเลือกเสพกันแล้วกว่า 3,000 เล่ม ครอบคลุมหัวข้อด้านการพัฒนาบุคคล จิตวิทยา ประวัติศาสตร์ การสื่อสาร การบริหารจัดการ ความเป็นผู้นำ การสร้างแรงจูงใจ การค้นหาแรงบันดาลใจ ฯลฯ โดยในทุกเดือน Blinkist จะมีหนังสือออกใหม่มาให้สมาชิกได้เลือกอ่านเลือกฟังกันราว 40 เล่ม และจากเดิมที่มีแต่หนังสือภาษาเยอรมัน ปัจจุบันก็เติบโตสู่ตัวเลือกหลายภาษา (ภาษาอังกฤษเป็นเซ็กเมนต์ที่ใหญ่ที่สุด) ด้วยตัวเลขสมาชิกที่วิ่งฉิวขึ้นเรื่อยๆ จนทะลุหลัก 10 ล้านคนทั่วโลกไปแล้ว
ฝ่าวิกฤติด้วยการระดมทุนแบบ Venture Capital
แต่คุณเชื่อหรือไม่ว่าแม้แนวคิดธุรกิจของสตาร์ทอัพรายนี้จะดีแสนดี แต่พวกเขาก็เกือบจะเอาตัวไม่รอดจากภาวะล้มละลายมาแล้ว (เพราะขาดเงินทุนในการทำวิจัยพัฒนา ขยายสเกลธุรกิจ และทำการตลาดอย่างจริงจัง) โชคยังดีว่าโลกของเรามีแพลทฟอร์มการลงทุนที่เรียกว่า Venture Capital เกิดขึ้น และนักลงุทนอิสระกลุ่มนี้เองที่ได้ช่วยให้ Blinkist ผู้ล้มลุกคลุกคลานมากว่า 2 ปีสามารถลืมตาอ้าปากได้ในที่สุด
“การระดมทุนจาก Venture Capitalist ทั่วโลก คือเครื่องปั๊มหัวใจในนาทีสุดท้ายที่เรียกสัญญาณชีพของธุรกิจกลับมาอีกครั้ง”
ในปี 2016 บริษัทมีรายได้เพิ่มจากปี 2015 สูงขึ้นถึง 3 เท่า พร้อมทีมงานที่เติบโตขึ้นอีก 200% สำหรับกรณีศึกษานี้นาย Harley Miller รองประธานบริษัท Insight Venture Partners กล่าวว่า “ผมเชื่อว่า Blinkist คือหนึ่งสตาร์ทอัพที่ยอดเยี่ยมของโลก เป็นคลังความรู้สำเร็จรูปที่ช่วยให้เราเพิ่มทักษะการพัฒนาตนเองได้จริง”
ปัจจุบัน Blinkist สามารถระดมทุนผ่าน Capital Venture ได้แล้วถึง 35 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมี Insight Venture Partners (ผู้อยู่เบื้องหลังการระดมทุนให้ Twitter, Tumblr และ HelloFresh) เป็นที่ปรึกษาให้
การไฮไลท์เนื้อหาไม่มีวันฆ่าหนังสือเล่มจริง
เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายหลักของ Blinkist คือกลุ่มคนทำงานที่มีตารางชีวิตมากมายระหว่างวัน เป็นกลุ่มคนที่ต้องการ ‘ประสิทธิภาพ’ และ ‘ประสิทธิผล’ สูงสุดจากการใช้ชีวิตประจำวันของตน ดังนั้นหนังสือที่ขายดีเป็นพิเศษกับคนกลุ่มนี้ จึงมักเกี่ยวของกับกลไกการทำงานของสมอง ยกตัวอย่างเช่น หนังสือเรื่อง Thinking, Fast and Slow ที่รวบรวมผลงานวิจัยตลอด 40 ปีของ Daniel Kahneman, หนังสือเรื่อง Outliers โดย Malcolm Gladwell ที่สรุปปัจจัยการทำธุรกิจให้สำเร็จผ่านเรื่องราวที่คุณไม่มีทางเคยรู้ หรือเรื่อง A Brief History of Time ของ Stephen Hawking ที่ชวนให้คุณค้นหาคำตอบต่อความพิศวงของเวลาและอวกาศ เป็นต้น นอกจากนี้ Blinkist ยังจัดทำอันดับหนังสือแนะนำขึ้นตามหมวดหมู่เพื่อให้ผู้อ่านเข้าถึงเรื่องราวที่กำลังต้องการได้อย่างสะดวกด้วย
ที่ผ่านมาแม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบบ้าง เช่นว่าการย่อเนื้อหาทำให้อรรถรสการอ่านหายไป หรือเนื้อหาสำคัญตกหล่นไม่ครบถ้วน แต่ทีมงาน Blinkist ก็กล่าวว่า หน้าที่ของพวกเขานั้นไม่ใช่การเข้ามาแทนหนังสือฉบับเต็ม แต่เป็นแค่เพียงหนึ่งทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้ผู้รักการอ่าน (แต่ไม่มีเวลา) สามารถเข้าถึงเนื้อหาสาระของหนังสือดีๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็วเท่านั้น
หรือหากเราจะมองเขาในแง่บวกขึ้นอีกนิด Blinkist อาจเป็นเครื่องมือการตลาดชั้นเลิศของสำนักพิมพ์ต่างๆ ในการกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายของหนังสือเล่มแต่ละเล่มตัดสินใจถอยหนังสือเล่มเต็มมาอ่านอย่างละเอียดก็เป็นได้
อ้างอิง: blinkist, medium, pehub