สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย เผย “5 โฟกัสหลัก” เพื่อเป็นแนวทางให้นักธุรกิจไทยรับมือกับความท้าทาย การเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันที่รุนแรงในทุกรูปแบบของการตลาดในปัจจุบันและอนาคต พร้อมเผยวิสัยทัศน์ใหม่ในการเป็น “Accelerator” หรือ “ผู้ผลักดัน” เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับวงการการตลาดไทย
กรุงเทพฯ – 2 กรกฎาคม 2567: สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (MAT) นำโดย ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย Marketing Association of Thailand (MAT) แถลงข่าวแนวทางขับเคลื่อนธุรกิจไทยในครึ่งปีหลัง พร้อมกล่าวถึงแนวทางการทำงานของสมาคมฯ และแนะนำทีมคณะกรรมการอำนวยการชุดใหม่ 36 ท่าน ผู้อำนวยการบริหารท่านใหม่ ที่มาร่วมดำเนินงานตามวิสัยทัศน์และพันธกิจของสมาคมฯ ร่วมกัน
MAT สู่ การเป็น “Marketing Accelerator” ที่ผลักดันการตลาดเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศตลอดระยะเวลา 58 ปีที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2509 สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยยึดมั่นในภารกิจสำคัญ 5 ประการ ได้แก่
- Branding the Nation การใช้องค์ความรู้ด้านการตลาดเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ
- Creating Net Positive การสนับสนุนให้ภาคธุรกิจสร้างพลังบวกคืนสู่สังคม สิ่งแวดล้อม และโลกของเรา
- Driving New Business Growth การเสริมความแกร่งหรือความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจของคนไทยให้สามารถเดินหน้าเติบโตต่อไป
- Creating Platforms for Sustainable Advantage การสร้างและเชื่อมโยงพันธมิตรของสมาคมฯ ทั้งพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชน
- Marketing for All การสนับสนุนเรื่องการใช้ความรู้ด้านตลาดเพื่อคนตัวเล็กหรือหมายถึงผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม
นอกจากนี้ สมาคมฯ ได้ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ในการปรับบทบาทจาก “Platform” สู่การเป็น “Accelerator” โดยมีแผนร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำข้อมูล Foresight และ Insight ที่จำเป็น เพื่อให้นักการตลาดและผู้ประกอบการมีข้อมูลที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง
สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (MAT) มุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนและพัฒนาวงการตลาดไทย โดยได้จัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการชุดใหม่ซึ่งจะอยู่ในวาระปี 2567 – 2569 แบ่งแนวทางการทำงาน 8 แกนหลักสำคัญที่จะเป็นรากฐานในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับวงการการตลาดไทยในทุกมิติ นั่นคือ
- Marketing Wisdom องค์ความรู้การตลาด: ผลิตองค์ความรู้ด้านการตลาดให้แพร่หลายในทุกระดับ ให้นักการตลาดหรือว่าที่นักการตลาดได้ใช้สมาคมฯ เป็นแหล่งความรู้เพื่อ upskill reskill และเพิ่ม new skill ตลอดเวลา
- Recognition & Honor การเชิดชูเกียรติ: เชิดชูความดีโดดเด่นของผลงานด้านการตลาด เพื่อให้ผลงานของบุคคลและองค์กรเหล่านั้นเป็นที่ประจักษ์ และเป็นตัวอย่างอันดี สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นต่อไป
- Development การพัฒนา: สร้างและปลูกฝังนักการตลาดรุ่นเยาว์ให้เติบโตเป็นนักการตลาดอาชีพ
- Marketing Community สังคมนักการตลาด: เป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อผู้บริหาร นักการตลาด เราจึงริเริ่มหลักสูตรและโครงการต่าง ๆ ที่ connect นักการตลาดทุกระดับชั้น
- Intelligence Hub ศูนย์กลางข้อมูล: รวบรวมผลงานแผนการตลาด ข้อมูลข่าวสารการตลาดให้ผู้คนได้เข้าถึงเพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้ เป็นแหล่งรวบรวมฐานข้อมูลการบุคลากรด้านการตลาดสำหรับองค์กรที่ต้องการสรรหาบุคคลากรคุณภาพ
- Alliance and Partnership พันธมิตรและความร่วมมือ: ร่วมมือกับทั้งภาครัฐและเอกชนในการเพิ่มพูนองค์ความรู้ด้านการตลาดให้แก่ธุรกิจขนาดย่อมไปจนถึงหน่วยงานต่าง ๆ และสร้างความเชื่อมโยงจากหน่วยงานภาครัฐสู่ภาคเอกชน ตั้งแต่อุตสาหกรรมขนาดเล็กถึงใหญ่ เพื่อให้เกิดความร่วมมือในด้านต่าง ๆ
- Global Reach เครือข่ายทั่วโลก: เชื่อมโยงการตลาดจากระดับประเทศสู่นานาประเทศ สนับสนุนองค์กรและผู้ประกอบการไทยให้ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ
- Social Responsibility ความรับผิดชอบต่อสังคม: ตอบแทนมอบสิ่งดี ๆ สู่สังคม และสิ่งแวดล้อม
สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยยังมุ่งมั่นที่จะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนและพัฒนาวงการการตลาดไทย ภายใต้กรอบ MAT CARE Actions ซึ่งประกอบด้วย 4 หัวข้อสำคัญ ดังนี้
- Connecting : สร้างชุมชนนักการตลาดที่เข้มแข็ง ส่งเสริมการเชื่อมต่อเชื่อมโยง และความร่วมมือทั้งในประเทศและระดับสากล
- Admiring : ยกย่องและเชิดชูแบบอย่างธุรกิจที่โดดเด่นทั่วโลกที่สร้างผลกระทบเชิงบวกในสามด้านหลัก ทั้ง 1.ผู้คน 2.โลกใบนี้ และ 3.ผลกำไร
- Redefining Marketing : นำเสนอองค์ความรู้ทางธุรกิจและการตลาดที่ทันสมัยและแม่นยำ เพื่อให้สมาชิกสามารถเข้าถึงข้อมูลและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในแต่ละอุตสาหกรรม นำไปปรับใช้และพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
- Experience Creating : ส่งเสริมการเรียนรู้ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาให้แก่ผู้บริหาร ผู้ประกอบการ และนักการตลาดไทย แปลงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้เป็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้
ด้วย 4 หัวข้อหลักนี้ สมาคมฯ คาดหวังว่าจะใช้พลังของนักการตลาดไทย ในการเปลี่ยนแปลง สร้างสรรค์ และปรับตัว เพื่อยกระดับ ธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ให้เติบโตไปพร้อม ๆ กันในทุกระดับ
ดร.บุรณิน กล่าวว่า “ท่ามกลางความท้าทายทั้งด้านเศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยี นักการตลาดต้องปรับตัวตาม Megatrend
ตลอดมาตั้งแต่ยุคเก่าที่เน้นภาคการผลิต จนมายังยุคปัจจุบันที่ดิจิทัลและ new media เข้ามามีบทบาท และต้องมองไปข้างหน้าสู่ยุคที่มุ่งเน้นปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีสะอาด หุ่นยนต์ ในส่วนของช่องทางการตลาดเองก็เปลี่ยนผ่านจากตลาดที่เน้นปฏิสัมพันธ์แบบพบหน้า (Physical) มายังช่องทางการตลาดดิจิทัล (Digital) ในอนาคตก็จะกลายเป็นตลาดแบบหลอมรวม (Immersive)
สมาคมฯ จึงได้นำเสนอ 5 โฟกัสหลักเพื่อเป็นเข็มทิศให้นักธุรกิจไทยในครึ่งปีหลัง 2567 ประกอบด้วย:
- การสร้างกำลังใจและข่าวดี ส่งเสริมความร่วมมือและการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในวงการธุรกิจ
- สนับสนุน Green ที่เป็นของจริง ไม่ใช่จำแลง ผลักดันแนวคิด Sustainability และ Responsible Marketing อย่างจริงจัง
- สังเคราะห์ AI เพื่อความเท่าเทียม ใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อสร้างโอกาสและการเข้าถึงข้อมูลอย่างเท่าเทียม
- ส่งเสริม SMEs ให้มี Own Channel Own Content เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับ SMEs ไทย
- สะสมความชำนาญและประสบการณ์ในตลาดเอเชีย (Asia Mastery) มุ่งเน้นการเข้าใจและเจาะตลาดเอเชียซึ่งกำลังเป็น Hub ของหลายอุตสาหกรรม
ดังนั้น สิ่งที่นักการตลาดต้องทำคือการเพิ่มประสิทธิภาพทางการตลาดโดยนำเทคโนโลยีมาใช้ สร้างความร่วมมือ เกื้อกูล และปรับตัวไปด้วยกัน และเชื่อว่าการตลาดในสมัยหน้า กลุ่มประเทศ Asia จะเป็นผู้นำ นักการตลาดไทยจึงต้องเกาะติดสถานการณ์ ไว้ และมาร่วม Change-Innovate-Transform เพื่ออนาคต”
พร้อมกันนั้น คุณสุรศักดิ์ เหลืองอุษากุล อุปนายกฝ่าย Digital Marketing & Technology และศาสตราจารย์วิทวัส รุ่งเรืองผล กรรมการอำนวยการของสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ยังได้แนะ “5 มุมมองที่นักการตลาดและผู้ประกอบการต้องคิดต่อ” ในการเสวนา โดยได้เผยกลยุทธ์สำคัญสำหรับ SMEs ไทยในการเร่งเครื่องสู่ความสำเร็จท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ ภายใต้แนวคิด “A-B-C-D-E 5 คันเร่งการตลาดสำหรับ SMEs” ซึ่งนำเสนอมุมมองที่จะช่วยให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถแข่งขันและเติบโตได้อย่างยั่งยืน นั่นคือ
- A – Asia Market: มุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าสู่ตลาดเอเชียที่มีการเติบโตสูง โดยเฉพาะอาเซียน จีน และอินเดีย ผ่านช่องทาง e-commerce และการสร้างความสัมพันธ์กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
- B – Branding: สร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งโดยเน้นการสร้างมูลค่าและคุณค่าที่แตกต่าง มุ่งเน้นการสร้างกำไรจากลูกค้าที่เห็นคุณค่าแบรนด์มากกว่าการเน้นยอดขายเพียงอย่างเดียว
- C – Collaboration: ส่งเสริมการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขยายฐานลูกค้าและเสริมจุดแข็งซึ่งกันและกัน
- D – Digital: นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดต้นทุน และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า โดยใช้ประโยชน์จากความคล่องตัวของ SMEs ในการทดลองนวัตกรรมใหม่ ๆ
- E – Equity: ความถูกต้อง การดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความถูกต้อง เช่น ความรับผิดชอบต่อลูกค้าและสังคม การใช้ระบบบัญชีเดียว เพื่อความโปร่งใสและการเติบโตในอนาคต การดำเนินธุรกิจที่ในระยะยาวต้องสามารถสร้างกำไรได้ ไม่ใช่การเติบโตบนฐานของยอดขายจากการตัดราคา
ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้นเรื่อย ๆ SMEs ไทยจำเป็นต้องปรับตัวและมองหาโอกาสใหม่ ๆ อยู่เสมอ แนวคิด A-B-C-D-E 5 คันเร่งการตลาดสำหรับ SMEs นี้จะเป็นเข็มทิศสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถนำพาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างมูลค่าและคุณค่าให้กับลูกค้า มากกว่าการแข่งขันด้านราคา ซึ่งจะช่วยให้ SMEs สามารถสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจในระยะยาว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย
คุณอัญชลี ชัยชนะวิจิตร
ผู้อำนวยการบริหาร
[email protected] โทร 085-155-2314
คุณจิราภรณ์ พึ่งสัตย์
รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด – กิจกรรมและการสื่อสาร
[email protected] โทร. 099-242-5244